ทศชาติชาดก

ทศชาติชาดก หมายถึง ชาติทั้งสิบของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะมาประสูติเป็นพระพุทธเจ้า

เตมียชาดก  (อ่านว่า  เต-มิ-ย-ชา-ดก)

พระโพธิ์สัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเตมีย์  โอรสของพระเจ้ากาสิกราช  แห่งกรุงพาราณสี  เมื่อพระชนม์มายุเพียง  ๑  เดือน  ก็ทรงตระหนักว่าการเป็นกษัตริย์นั้นทำบาป  ต้องสั่งลงโทษผู้อื่นที่ทำผิด  จึงอธิษฐานทำตนเป็นใบ้  และง่อยเปลี้ยเสียขา  พระบิดาจึงให้โหรหลวงทำนาย  ได้ความว่า  พระองค์เป็นกาลกิณีแก่ราชวงศ์ให้นำไปฝังทั้งเป็น  แต่ก่อนที่พระองค์จะถูกฝังก็แสดงพระองค์ว่า  ไม่ได้เป็นคนพิการ  ทรงเดินได้เป็นปกติ  และทรงยกรถได้ด้วยพระกำลังอันเป็นบารมี  และเล่าความจริงให้สารถีที่กำลังขุดหลุมเพื่อฝังพระองค์ว่า  พระองค์ไม่ต้องการเสวยราชสมบัติ  จึงแกล้งทำเป็นคนพิการ  ต่อจากนั้นได้เสด็จออกบวช  ชาดกเรื่องนี้  เน้นให้เห็นการบำเพ็ญ “เนกขัมบารมี”  คือละทิ้งราชสมบัติ

มหาชนกชาดก  (อ่านว่า  มะ – หา – ชะ –นก – ชา –ดก)

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญวิริยบารมี  ความพากเพียร  ใจความสำคัญคือ  พระมหาชนกราชกุมารเดินทางไปทางทะเล  เรือแตกคนทั้งหลายจมน้ำตายบ้างถูกสัตว์ทะเลกินเป็นอาหารบ้าง  แต่ไม่ทรงละความวิริยะอุตสาหะ  ทรงว่ายน้ำโดยกำหนดทิศทางแห่งกรุงมิถิลา  ในที่สุดก็ได้รอดชีวิตกลับไปถึงกรุงมิถิลา  ได้ครองราชย์สมบัติ  ชาดกเรื่องนี้เป็นที่มาแห่งภาษิตที่ว่า  เป็นชายควรเพียรร่ำไป  อย่าเบื่อหน่าย (ความเพียร) เสีย,  เราเห็นตัวเองเป็นได้ที่ปรารถนา,  ขึ้นจากน้ำมาสู่บกได้

สุวรรณสามชาดก  (อ่านว่า  สุ – วัน – นะ – สาม –ชา –ดก)

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญเมตตาบารมี  คือการแผ่ไมตรีจิตคิดจะให้สัตว์ทั้งปวงเป็นสุขถ้วนหน้า  มีเรื่องเล่าว่า  สุวรรณสามเลี้ยงบิดามารดาของตน  ซึ่งเสียจักษุในป่า  และเนื่องจากเป็นผู้เมตตาและปรารถนาดีต่อผู้อื่น  หมู่เนื้อก็เดินตามแวดล้อมไปในที่ต่าง ๆ  วันหนึ่งถูกพระเจ้ากรุงพาราณสีชื่อ  ปิลยักษ์ยิงเอาด้วยธนูด้วยเข้าพระทัยผิด  ภายหลังเมื่อทราบว่าเป็นมาณพ  ผู้เลี้ยงมารดาบิดาก็สลดพระทัย  จึงไปจูงบิดามารดาของสุวรรณสามมา  มารดาและบิดาของสุวรรณสามก็ตั้งสัจจกิริยา  อ้างคุณความดีของสุวรรณสามขอให้พิษของศรหมดไป  สุวรรณสามก็ฟื้นคืนสติและได้สอนพระราชาแสดงคติธรรมว่า  ผู้ใดเลี้ยงบิดามารดาโดยธรรม  แม้เทวดาก็ย่อมรักษาผู้นั้น  ย่อมมีคนสรรเสริญในโลกนี้และในโลกหน้าไปแล้วก็บันเทิงในสวรรค์  ต่อจากนั้นเมื่อพระราชาขอให้สั่งสอนต่อไปอีก  ก็สอนให้ทรงปฏิบัติธรรมปฏิบัติชอบในบุคคลทั้งปวง

เนมิราชชาดก (เน – มิ – ราด – ชา – ดก)

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึง  การบำเพ็ญอธิฏฐานบารมี  คือความตั้งใจมั่นคง  มีเรื่องเล่าว่าเนมิราชกุมาร  ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติสืบสันตติวงศ์ต่อจากพระบิดา  ทรงบำเพ็ญคุณงามความดีเป็นที่รักของมหาชน  และในที่สุดเมื่อทรงชราภาพ  ก็ทรงมอบราชสมบัติแก่พระโอรส  แล้วเสด็จออกผนวชเช่นเดียวกับพระราชบิดาของพระองค์ที่เคยทรงบำเพ็ญมา

มโหสถชาดก  (อ่านว่า มะ – โห – สด – ชา – ดก)

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญปัญญาบารมี  คือความรู้ทั่วถึงสิ่งที่ควรรู้  มีเรื่องเล่าว่า  มโหสถบัณฑิตเป็นที่ปรึกษาหนุ่มของพระเจ้าวิเทหะราชแห่งกรุงมิถิลา  ท่านมีความฉลาดรอบรู้  สามารถแนะนำในปัญหาต่าง ๆ  ได้อย่างถูกต้องรอบคอบ  เอาชนะที่ปรึกษาอื่น ๆ ที่ริษยาใส่ความ  ด้วยความดีไม่พยาบาทอาฆาต  ครั้งหลังใช้อุบายป้องกันพระราชาจากราชศัตรู  และจับราชศัตรูซึ่งเป็นกษัตริย์พระนครอื่นได้

ภูริทัตชาดก (อ่านว่า พู – ริ – ทัด – ชา – ดก)

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญศีลบารมี  คือการรักษาศีล  มีเรื่องเล่าว่า  ภูริทัตตนาคราช  ไปจำศีลอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา  ยอมอดทนให้หมองูจับไปทรมานต่าง ๆ  ทั้ง ๆ ที่สามารถจะทำลายหมองูได้ด้วยฤทธิ์  มีใจมั่นต่อศีลของตนในที่สุดก็ได้อิสรภาพ

จันทกุมารชาดก (อ่านว่า จัน – ทะ – กุ – มาน – ชา – ดก)

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึง  การบำเพ็ญขันติบารมี  คือความอดทน  มีเรื่องเล่าว่า  จันทกุมาร  เป็นโอรสของพระเจ้าเอกราช  เคยช่วยประชาชนให้พ้นจากคดี  ซึ่งกัณฑหาลพราหมณ์  ราชปุโรหิตรับสินบนตัดสินไม่เป็นธรรม  ประชาชนก็พากันเลื่อมใส  ทำให้พราหมณ์ผูกอาฆาตในพระกุมาร  เมื่อพระเจ้าเอกราชทรงพระราชสุบิน  เห็นดาวดึงเทวโลก  เมื่อตื่นบรรทมทรงใคร่จะทราบทางไปสู่เทวโลก  ตรัสถาม  กัณฑพราหมณ์  จึงเป็นโอกาสให้พราหมณ์แก้แค้น  ด้วยการกราบทูลให้ตัดพระเศียร  พระโอรส  ธิดา  บูชายัญ  พระเจ้าเอกราชเป็นคนเขลา  ก็สั่งจับพระราชโอรสสี่พระองค์  และคนอื่น ๆ อีกเพื่อเตรียมประหารเช่นกัน  แม้ใครจะทัดทานขอร้องก็ไม่ได้ผล  ร้อนถึงท้าวสักกะ (พระอินทร์)  ต้องมาข่มขู่และชี้แจงให้หายเข้าใจผิดว่า  วิธีนี้ไม่ใช่ทางไปสวรรค์  ประชาชนจึงรุมฆ่าพราหมณ์นั้นและเนรเทศพระเจ้าเอกราช  แล้วกราบทูลเชิญ  จันทกุมารขึ้นครองราชย์

พรหมนารทชาดก (อ่านว่า พรม – มะ – นาด – ชา – ดก, พรม – มะ – นา – ระ – ทะ – ชา – ดก)

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึง  การบำเพ็ญอุเบกขาบารมี  คือ  คือการวางเฉย  มีเรื่องเล่าว่า  พรหมนารทะช่วยพระเจ้าอังคติราชให้กลับจากความเห็นผิด  มามีความเห็นชอบตามเดิม  (ความเห็นผิดนั้น  เป็นไปในทางสุขทุกข์เกิดเองไม่มีเหตุ  คนเราเวียนว่ายตายเกิด  หนักเข้าก็บริสุทธิ์ได้เอง  ซึ่งเรียกว่า  สังสารสุทธิ)

วิธูรบัณฑิตชาดก (อ่านว่า  วิ – ทู – ระ – บัน – ดิด – ชา – ดก)

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึง  การบำเพ็ญสัจจบารมี  คือ  ความสัตย์  เรื่องเล่าถึงวิธูรบัณฑิต    ซึ่งเป็นผู้ที่ถวายคำแนะนำประจำราชสำนัก  พระเจ้าธนัยไชยโกรัพยะ  เป็นผู้ที่พระราชาและประชาชนรักใคร่  เคารพนับถือมาก  ครั้งหนึ่งปุณณกะยักษ์มาท้าพระเจ้าธณัญชัยโกรัพยะเล่นสกา  ถ้าแพ้จะถวายมณีรัตนอันวิเศษ  ถ้าพระราชาแพ้  ก็จะพระราชทานทุกสิ่งที่ต้องการ  เว้นแต่พระกายของพระองค์  ราชสมบัติและมเหสี  ในที่สุดพระราชาแพ้ปุณณกยักษ์  จึงทูลขอตัววิธูรบัณฑิต  พระราชาจะไม่ประทานก็เกรงเสียสัตย์  พระองค์ตีราคาวิธูรบัณฑิตยิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทองใด ๆ  ทรงหน่วงเหนี่ยวด้วยประการต่าง ๆ  แต่ก็ตกลงกันไปไต่ถามให้วิธูรบัณฑิตตัดสินให้รักษาสัตย์  คือตนเองยอมไปกับยักษ์  ความจริงยักษ์ต้องการเพียงเพื่อจะนำหัวใจของวิธูรบัณฑิต  ไปแลกกับธิดาพญานาค  ซึ่งความจริงเป็นอุบายของภริยาพญานาคผู้ใคร่จะได้สดับธรรมของวิธูรบัณฑิต  จึงตกลงกับสามีว่า  ถ้าปุณณยักษ์ต้องการธิดาของตน  ก็ขอให้นำหัวใจของวิธูรบัณฑิตมา  แม้ยักษ์จะหาวิธีทำให้ตายก็ไม่ตาย  วิธูรบัณฑิตกลับแสดงสาธุนรธรรม (ธรรมของคนดี)  ให้ยักษ์เลื่อมใสและได้แสดงธรรมแก่พญานาค

เวสสันดรชาดก (อ่านว่า  เวด – สัน – ดอน  –  ชา – ดก)

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึง  การบำเพ็ญทานบารมี  คือ  การบริจาคทาน  มีเรื่องเล่าถึงพระเวสสันดร  ผู้ใจดีบริจาคทุกอย่างที่มีคนขอ  ครั้งหนึ่งประทานช้างเผือกคู่บ้านคู่เมืองแก่พราหมณ์ชาวกาลิงคราช  ที่มาขอช้างไปเพื่อให้หายฝนแล้ง  แต่ประชาชนโกรธขอให้เนรเทศ  พระราชบิดาจึงจำพระทัยเนรเทศ  ซึ่งพระนางมัทรีพร้อมด้วยพระโอรสธิดาได้ตามเสด็จไปด้วย  เมื่อชูชกไปขอสองกุมาร  ก็ประทานอีก  ภายหลังพระเจ้าสัญชัย  พระราชบิดาทรงไถ่สองกุมารและเสด็จไปรับกลับ  (เรื่องนี้แสดงการเสียสละส่วนน้อยเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่  คือการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า  อันจะเป็นทางให้ได้บำเพ็ยประโยชน์ต่อส่วนรวม  ได้ดียิ่งมิใช่เสียสละโดยไม่มีจุดมุ่งหมายหรือเหตุผล)

Veradet.com
Logo
กระท้อนลอยแก้ว| ชุดชั้นกุลสตรี| ชุดชั้นในวาโก้
Shopping cart