ความหมายของคำว่า “ การจดบันทึก ”
คำว่า “ จด ” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้ให้ความหมายไว้ว่า หมายถึง“ เขียนไว้ ” ( หน้า ๒๑๓ )
ส่วนคำว่า “ บันทึก ” นั้นได้ให้ความหมายไว้ว่า หมายถึง “ จดข้อความเพื่อช่วยความทรงจำหรือเพื่อเป็นหลักฐาน จดหรือถ่ายไว้เพื่อช่วยความทรงจำหรือเพื่อเป็นหลักฐาน ” ( หน้า ๔๗๑ )
รวมความได้ว่า “ การจดบันทึก ” ก็คือ การเขียนไว้ หรือจดข้อความ เป็นการจดอย่างย่อ ๆ หรือสั้น ๆหรือช่วยความทรงจำ หรือเพื่อเป็นหลักฐาน หรือเพื่อให้รู้เรื่องเดิมนั่นเอง
ประเภทของการจดบันทึก
สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ให้ศึกษาการจดบันทึก ๒ ประเภท ได้แก่
๑. บันทึกประจำวัน ( อนุทิน )
๒. บันทึกความรู้ หรือบันทึกข้อมูล
การบันทึกประจำวัน
การจดบันทึกประจำวันนั้นมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นเครื่องช่วยความทรงจำ ว่าในวันหนึ่งนั้น เราได้ทำกิจกรรมประจำวันที่สำคัญ ๆ ไว้บ้าง เพื่อเป็นหลักฐานเมื่อต้องการจะรู้ว่าเราได้ไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร และซึ่งอาจจะได้เป็นข้อมูลยืนยันได้อย่างดี
การจดบันทึกประจำวันว่ามีประโยชน์กับตัวเราอย่างยิ่ง จึงควรฝึกจดบันทึกไว้ให้เป็นนิสัยตลอดชีวิต อาจใช้เวลาก่อนนอนเป็นเวลาจดบันทึกก็ได้ เพราะเราได้ทำกิจกรรมมาสิ้นสุดแล้ว
ในการจดบันทึกประจำวันนั้น ส่วนมากจะใช้สมุดสำหรับจดบันทึกโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นแบบสำเร็จ รูป มีจำหน่ายทั่วไป มีหลายขนาดหลายแบบให้เลือกตามความสนใจสำหรับนักเรียนที่เราเรียกว่า “ อนุทิน ”
สำหรับภาษาที่ใช้ในการจดบันทึกนั้น ให้ใช้ภาษาอย่างง่าย ๆ อาจแทรกอารมณ์ลงไปบ้างก็ได้ ตัวอย่างการจดบันทึกของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่อง “ มุ่งไกลในรอยทราย ” หน้า๔๔ – ๔๕
อาทิตย์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๓๓
เช้านี้อากาศเย็นตามเคย ก่อนอาหารเช้าออกไปเดินเล่น ที่นี่สวนสวย แปลกที่คราวก่อนข้าพเจ้าไม่ยักคิดออกมาเดินเล่น เห็นถังขยะทำเป็นรูปสิงโต ช้าง หมีแพนด้า เลยถ่ายรูปไว้ในสวนมีหงส์กับนกยูงด้วย
๐๗.๓๐ น. กลับเข้าไปรับประทานอาหาร มีข้าวต้ม ๒ ชนิด คือ ข้าวต้ม ข้างฟ่าง กับข้าวต้มใส่ถั่วเขียวกับข้าวมีเต้าหู้ไก่ผัดแตง ซีเซ็กฉ่ายดอกไม้เหลือง ของหวานมีโรตีกับพุทราทอด
เวลา ๐๘.๒๐ น. ออกเดินทางเพื่อไปปี้หยุนซื่อ รถผ่านตลาดขายผัก ผลไม้ ที่ปลูกผักเป็นโครงเหล็กคลุมพลาสติก และใช้เสื่อลำแพนคลุมอีกที ต้นพืชและแอปเปิลยังไม่ผลิใบเลยสักต้นเดียวพวกชาวสวนมาพรวนดิน
เวลา ๑๐.๒๕ น. ไปที่อาคาร ๑๘ ท่านนายกรัฐมนตรีหลี่เผิงและภรรยาคอยต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรีอายุ ๖๓ ปี เป็นชาวเสฉวนแต่เกิดที่เซียงไฮ้ ท่านนายกให้หลานสาวอายุประมาณ ๔ – ๕ ปี ออกมารับด้วย เป็นเด็กที่คล่องแคล่ว น่ารักมาก ร้องเพลงให้เราฟังด้วย ท่านบอกว่าได้เจอหลาน ๆ ข้าพเจ้าจึงให้หลานออกมารับบ้าง
๑๗.๔๕ น. ไปที่สถานทูต ก่อนจะมีงานเลี้ยงได้พบกับครูที่เคยสอนภาษาจีนข้าพเจ้า คือ ครูจางเดี๋ยวนี้เป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษอยู่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ครูฉางปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเภท ครูหวางเย่ เดี๋ยวนี้เป็นผู้อำนวยการสถาบันสอนภาษา และครูกู้ ข้าพเจ้าแปลกใจตัวเองที่สามารถเข้าใจคำพูด ( ภาษาจีน ) ของครูทุกท่านและพูดโต้ตอบเป็นภาษาจีนได้
คุยกันสักพักหนึ่งแขกผู้ใหญ่เริ่มมา เช่น ท่านรัฐมนตรีกู้ ท่านหัน ท่านไฉเจ๋อหมิน จางเหว่ยเสี้ยะคุณหลี่เม่า ท่านรัฐมนตรีก็ชวนไปทางคลองสายใหญ่ คลองนี้ผ่านเจียงซู สองฝั่งก็สวยงามมาก ขณะนี้ได้ขุดลอกคลอง เพื่อเป็นประโยชน์ในการขนส่งถ่านหิน เลยเรียนถามท่านรัฐมนตรีว่า ท่านดูแลอุตสาหกรรมเคมี นั้นดูแลอะไร ท่านว่าท่านดูแลพวกผลิตภัณฑ์เคมีทั้งหมด ผลิตภัณฑ์เคมีจากน้ำมันปิโตรเลียม สีการผลิตผ้าใยสังเคราะห์ก็สำคัญเพราะจีนมีคนมาก เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มไม่พอ การทำผลิตภัณฑ์จากยางพารา ( จีนซื้อจากไทย ) การผลิตปุ๋ย มีทั้งปุ๋ยจากถ่านหิน ปุ๋ยจากน้ำมันและก๊าชธรรมชาติ
เมื่ออาหารพร้อมก็ไปรับประทานอาหาร ท่านทูตสั่งอาหารจากโรงแรมแพเลซและทำเติมเข้าไปบ้างเช่น กระทงทอง ต้มยำกุ้ง ผลไม้ไทย ลงท้ายตัวยไอศกรีม อาหารมากชนิดเหลือเกิน เขาเลี้ยงเรามากเวลาเราเลี้ยงตอบเราเลี้ยงน้อยก็ไม่สมกัน ข้าพเจ้าได้เล่าให้ท่านหันเหนียนหลงฟังถึงเรื่องหมูไท้หู ซึ่งข้าพเจ้าขอจากสัมพันธ์ได้แจกชาวบ้านที่ยากจนไปเป็นจำนวนมาก หมูสัมพันธุ์นี้เหมาะสมกับเขตที่ยากจน เนื่องจากกินอะไรก็กินง่าย แข็งแรง โตเร็ว ลูกดก นับว่าท่านได้ช่วยเรามาก