กระท้อนลอยแก้ว ของฝากลพบุรี บ้านกระท้อนคุณดารัตน์

กระท้อนลอยแก้ว ของฝากลพบุรี บ้านกระท้อนคุณดารัตน์

กระท้อนลอยแก้ว ของฝากลพบุรี บ้านกระท้อนคุณดารัตน์ จำหน่ายกระท้อนลอยแก้ว สินค้า OTOP ชึ้นชื่อของจังหวัดลพบุรี และได้นำกระท้อนในพื้นซึ่ง ลพบุรีเป็นแหล่งผลิตกระท้อนชื่อดัง ได้รับผลไม้ GI สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของทางร้าน ไม่ว่าจะเป็น กระท้อนลอยแก้ว กระท้อนทรงเครื่อง กระท้อนแช่อิ่ม กระท้อนอบแห้ง กระท้อนคลุกบ๊วยเค็ม กระท้อนคลุกบ๊วยหวาน กระท้อน 4 รส น้ำกระท้อน ไอศครีมกระท้อน มีจำหน่ายออนไลน์ บริการจัดส่งทั่วประเทศ

ช่องทางการสั่งซื้อ

โทร. 0830056521

เพจ. https://www.facebook.com/BaanKrathonLoikaew

แผนที่. เส้นทาง https://goo.gl/maps/NGtPK2w4ovmDtP8q8

กระท้อนลอยแก้ว บ้านกระท้อนคุณดารัตน์

กระท้อนลอยแก้ว บ้านกระท้อนคุณดารัตน์

เนื้อแน่นๆ ฟูๆ ปุยนุ่ม หอม หวาน ชื่นใจ ไม่ใส่สารกันบูด

ไอติมกระท้อน

ไอติมกระท้อน

กระท้อนทรงเครื่อง

กระท้อนทรงเครื่อง

 

น้ำกระท้อน

น้ำกระท้อน บ้านกระท้อน คุณดารัตน์

กระท้อนแก้ว

กระท้อนแก้ว บ้านกระท้อน คุณดารัตน์ ลพบุรี

กระท้อนคลุกบ๊วย

กระท้อนคลุกบ๊วย

 

กระท้อนถือได้ว่าเป็นผลไม้ที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพภาพ ซึ่งมีแหล่งปลูกอยู่หลายพื้นที่ด้วยกัน แต่ที่ขึ้นชื่อ ก็ต้องยกให้จังหวัดลพบุรี สวนกระท้อนที่ตําบลตะลุง แหล่งปลูกกระท้อนที่ให้รสชาติอร่อย เนื้อนุ่มฟู สุดยอดผลไม้ที่ให้ประโยชน์และสร้างรายได้แก่เกษตรกร

กระท้อนผลไม้ที่มีรสชาติอมเปรี้ยวอมหวานอันเป็นเอกลักษณ์ สามารถนํามาทําอาหารได้หลายอย่าง ทั้งอาหารคาวหวาน ไม่ว่าจะเป็นกระท่อนดอง กระท้อนแช่อิ่ม กระท้อนลอยแก้ว กระท้อนทรงเครื่อง หรือตํากระท้อน

กระท้อนมีถิ่นกําเนิดอยู่ในแถบมลายูและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบในประเทศไทยอยู่สองชนิด คือกระท้อนป่าและกระท้อนหวาน สมัยก่อนคนไทยนิยมปลูกกระท้อนในสวนและตามบ้าน เพื่อเอาไว้เก็บกินผล และอาศัยร่มเงา

กระท้อนมีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Sandoricum koetjape ในภาคอีสานเรียกว่าบักต้อง ภาคเหนือเรียกว่ามะต้องภาคใต้เรียกว่า ล่อน เตียน สตูล และสะโตย ส่วนแถบมาลายูจะเรียกว่า เซอตุล กระท้อนเป็นไม้ยืนต้นทรงพุ่มขนาดกลางถึงใหญ่ เป็นไม้ผลที่สามารถทนแรงได้ดีเยี่ยม ให้ผลผลิตช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน สามารถปลูกได้ทุกภาคทั่วประเทศโดยมีการปลูกมากที่ จังหวัดนนทบุรี ลพบุรี ปราจีนบุรี ชลบุรี พิษณุโลก และสุราษฎร์ธานี สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์กระท้อนห่อ ที่มีรสหวาน ได้แก่ พันธุ์อีหล้า ปุยฝ้าย นิ่มนวล อินทรชิต ทับทิม ขันทอง เทพรส และอีแดง

กระท้อนที่มีน้ําหนักมากที่สุดของไทยต้องยกต้องยกให้กระท้อนสายพันธุ์อีล่ายักษ์ ลักษณะเด่นก็คือ ขนาดใหญ่ มีน้ําหนักผลเฉลี่ยไม่ต่ํากว่า 900-1200 กรัม ขึ้นอยู่กับความดกของต้นและการดูแลและผลที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบ มีน้ําหนักมากถึงผลละ 25 กิโลกรัม และเนื้อหนา ฟู นิ่ม สามารถรับประทานได้ถึงเปลือก รสชาติหวานจัด และยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวอีกด้วย โดยจะปลูกได้ดีในแถบภาคใต้ของบ้านเรา เนื่องจากสายพันธุ์นี้ต้องการน้ํามากเป็นพิเศษ ซึ่งภาคใต้ก็มีแหล่งน้ําที่อุดมสมบูรณ์นั่นเอง กระท้อนนับเป็นผลไม้เขตร้อนยืนต้น มีถิ่นกําเนิดอยู่ในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระท้อนสามารถปลูกได้ในหลายพื้นที่ก็จริง แต่กระท้อนที่มีชื่อเสียงคงหนีไม่พ้นที่จังหวัด ลพบุรี เพราะกระท้อนเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดมายาวนาน โดยมีพื้นที่ปลูกส่วนใหญ่ในตําบลตะลุงกว่าหนึ่งพันไร่ และในเขตตําบลข้างเคียง สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกได้เป็นอย่างดี

กระท้อนเป็นผลไม้ที่รับประทานได้ทั้งเปลือก ผล และเนื้อผล สามารถนํามาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าเป็นสินค้าอื่นอื่น ได้แก่ กระท้อนแช่อิ่ม กระท้อนลอยแก้ว กระท้อนกวน กระท้อนหยีเป็นต้น

ที่มาของกระท้อนจังหวัดลพบุรี

มีจุดเริ่มต้นกระท้อนอร่อยเมืองลพบุรีเกิดขึ้นเมื่อปี2489 โดยมีปู่พรม ยอดฉุนเป็นผู้นําต้นกระท้อนจากนนทบุรีมาปลูกในพื้นที่ตําบลตะลุง ได้แก่ พันธุ์ทับทิม พันธุ์อีหล้า พันธุ์นิ่มนวล ปลูกขยายพันธุ์จนเต็มสวนริมแม่น้ําลพบุรี ซึ่งเป็นดินน้ําไหลทรายมูล ดินทรายหวานทําให้ได้ผลผลิตคุณภาพดี รสชาติอร่อย ถูกใจผู้บริโภค เกษตรกรจึงนิยมปลูกขยายพันธุ์กระท้อนครอบคลุมพื้นที่สามตําบลริมแม่น้ําลพบุรี ในอําเภอเมืองลพบุรี คือตําบลตะลุง ตําบลโพธิ์เก้าต้น และตําบลงิ้วราย

กระท้อนตะลุง จังหวัดลพบุรี เป็นสินค้า GI แห่งแรกของโลก กระท้อนตะลุงถือเป็นของดีจังหวัดลพบุรี โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือจีไอ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2561 ซึ่งผลผลิตในแต่ละปีมีคุณภาพและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นที่นิยมของตลาด ผลผลิตจะออกสู่ท้องตลาดในช่วงประมาณพฤษภาคมถึงสิงหาคม ถือเป็นสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีชื่อเสียงของจังหวัดลพบุรี

ปัจจุบันกระท้อนตะลุงมีทั้งหมดห้าสายพันธุ์ ประกอบด้วย พันธุ์ปุยฝ้าย พันธุ์อีหล้า พันธุ์ทับทิม พันธุ์นิ่มนวล และพันธุ์กํามะหยี่ กระท้อน 5 สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในจังหวัดลพบุรี มีความโดดเด่นแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

กระท้อนพันธุ์ปุยฝ้าย เป็นกระทอนที่มีรสหวาน เปลือกและเมล็ดกระท้อนมีปุยเหมือนปุยฝ้าย ขนาดของผลมีตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่ น้ำหนักประมาณ 400-800 กรัมต่อผล ผลกลม แป้นมีขนอ่อนนุ่ม ด้านก้นผลเรียบ ขั้วสั้น เนื้อหนานุ่ม ปุยหุ้มเมล็ดหนาฟูมากกว่าสายพันธุ์อื่น มีการเก็บผลช้า ฤดูกาลเก็บเกี่ยวอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม

กระท้อนพันอีล่า เป็นพันธุ์ที่ออกดอกและเก็บเกี่ยวช้ากว่าพันธุ์อื่นอื่นประมาณ 30 วัน ระยะเวลาตั้งแต่ดอกบานถึงเก็บเกี่ยว จะใช้เวลาประมาณ 8 เดือน กระท้อนพันธุ์นี้ขนาดผลมีขนาดใหญ่กว่าทุกพันธุ์ ผลมีขนาดน้ําหนักประมาณ 500-900 กรัมต่อผล ในต้นที่โตเต็มที่สามารถให้ผลขนาดน้ําหนักประมาณ 15 กิโลกรัม สําหรับกระท้อนที่ปลูกใหม่ มีขั้วผลใหญ่ ผิวเปลือกนิ่ม ติดผลดก รสชาติเปรี้ยวอมหวาน รูปทรงคล้ายน้ำเต้า

กระท้อนพันธุ์ทับทิม เป็นพันธุ์ที่ให้ผลดก แก่เร็ว ผลผลิตจะออกก่อนพันธุ์อื่นๆ ผลค่อนข้างเล็ก น้ําหนักประมาณ 200 กรัมต่อผล ผลกลม แป้น ขั้วผลสั้น ผิวเปลือกบาง สีเหลืองอ่อน เนื้อบางนิ่ม ปุยหนา มีปุยแทรกเนื้อ มีรสหวานอมเปรี้ยว ถ้าแก่จัดไม่เก็บผล ผลจะแตก ถ้าฝนชุกจะทําให้มีสีแดงเป็นน้ําหมาก

กระท้อนพันธุ์นิ่มนวล เป็นกระท้อนที่มีลักษณะเปลือกบาง เนื้อหนานิ่ม ไม่กระด้าง ปุยหุ้มเมล็ดหนาฟู รสหวานจัด เป็นสายพันธุ์ที่นิยมบริโภคกันมาก ลักษณะทรงผลกลมแป้น ผลกลม ผลค่อนข้างใหญ่ มีปุ๋ยแทรกเนื้อ คั่วสั้น ผิวเปลือกบางเรียบ มีสีเหลืองอมน้ําตาล ผลมีขนาดน้ําหนัก 400-800 กรัมต่อผล เมื่อแก่จัดเนื้อนิ่มรสชาติหวาน

กระท้อนพันธุ์กํามะหยี่ เป็นพันธุ์กระทอนที่มีมาแต่เดิม ผลมีขนาดใหญ่ ขั้วผลยาว หัวขั้วเป็นจุก เนื้อมีรสหวาน ปุยหนา ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมปลูกกันมากนัก ชาวสวนเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เทพสําราญ ปุยหนาและแทรกเนื้อ รสชาติค่อนข้างหวานอมเปรี้ยว ผลมีขนาด 200 กรัมต่อผล ออกผลเร็วกว่าพันธุ์ๆ ถ้าแก่จัดผลจะแตกง่าย

ความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของกระท้อนตะลุง จะมีลักษณะเด่นดังนี้

รูปทรง ผลกลมค่อนข้างแป้น เปลือกบาง ผลสุกสีเหลืองนวล เนื้อปุยเมล็ดค่อนข้างแห้งและนุ่ม เมล็ดยาวค่อนข้างลีบ สีน้ําตาลอ่อน รสชาติหวานและไม่ฝาด ค่าความหวานอยู่ในช่วงเก้าถึงสิบหกองศาบริคซ์

สําหรับการปลูกกระท้อนทั่วไป เกษตรจังหวัดลพบุรีแนะนําว่า การปลูกกระท้อนนั้น ก่อนที่เราจะนํากิ่งพันธุ์ลงหลุมปลูกต้องไถพรวนดินเพื่อเตรียมแปลง โดยการปลูกกระท้อนโดยทั่วไปจะใช้ระยะปลูก 8*12 เมตร แต่หากเป็นกระท้อนเพื่อการค้าอย่างพันธุ์ปุยฝ้าย จะต้องใช้ระยะปลูก มีตั้งแต่ 8*8 , 8*12, 10*10 และ 10*12 เมตร ทั้งนี้ก็เพื่อให้สะดวกต่อการปฏิบัติงานในสวน

ขั้นตอนการเตรียมหลุม ให้ขุดหลุมกว้าง 50*50 เซนติเมตร นําปุ๋ยคอกผสมดินที่ขุดขึ้นมา แล้วนํากลบหลุมตามเดิม จากนั้นนํากิ่งพันธุ์วางไว้ในหลุม แล้วกลบดินให้ระดับโคนต้นเสมอกับดินที่ปากหลุม และรดน้ําทันทีเพื่อให้ดินกระชับ จากนั้นหาหญ้าแห้งหรือฟางข้าวคลุมโคนต้นไว้ เพื่อป้องกันหน้าดินถูกทําลายจากแรงน้ํา และช่วยรักษาความชื้นของดิน ส่วนการให้น้ําต้นกระท้อนต้องสัมพันธ์กับปัจจัยต่างต่างหลายประการ ทั้งอายุช่วงการเจริญเติบโต การออกดอกติดผล สภาพดินเป็นต้น ซึ่งสามารถแบ่งการให้น้ําได้สองระยะคือ กระท้อนที่ยังไม่ให้ผลนับตั้งแต่เริ่มปลูกถึงหกเดือน จะต้องให้น้ําชุ่มอยู่เสมอ เมื่ออายุได้หกเดือนขึ้นไป เกษตรกรจะรดน้ําวันเว้นวัน อายุหนึ่งปีขึ้นไปจะรดน้ําสองถึงสามวันต่อครั้ง จนกว่าต้นกระท้อนจะแข็งแรง ตั้งตัวได้ จึงทิ้งช่วงการให้น้ํา แต่ห้ามปล่อยให้ดินแห้ง เพราะกระท้อนใบจะเหี่ยวและตายในที่สุด

เมื่อต้นกระท้อนอายุได้สามปี จะเริ่มให้ผลผลิตได้ และผลผลิตเริ่มขนาดเท่าไข่ไก่เบอร์ศูนย์ เกษตรกรเริ่มนําถุงกระดาษมาห่อลูกกระท้อน สาเหตุที่ต้องห่อผลกระท้อนก็เพราะว่า กระท้อนมักจะทิ้งผลได้ง่าย โดยเฉพาะถ้ามีผลมากเกินไป กระท้อนจะทิ้งผลทันที เพื่อให้สามารถนําเอาอาหารไปเลี้ยงผลได้ และเป็นการป้องกันแมลงวันทองและโรคต่างต่าง อีกทั้งการห่อผลกระทบนะคะ ยังช่วยทําให้ผิวสวยงาม มีเนื้อนุ่มขึ้น เนื้อฟูสวย รสหวาน ผลมีขนาดใหญ่ขึ้น และมีน้ําหนักเพิ่มขึ้นอีกด้วย
กระท้อนสามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธีด้วยกัน ทั้งการเพาะเมล็ด การทาบกิ่ง การเสียบยอด การติดตา จากเดิมนิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด เพราะทำได้ง่าย แต่มักกลายพันธุ์ ทําให้ปัจจุบันไม่นิยมปลูกต้นที่เพาะจากเมล็ด แต่จะใช้วิธีการเพาะเมล็ดเพื่อทําต้นตอในการทาบกิ่งหรือติดตาเท่านั้น

กระท้อนเป็นผลไม้ไทยที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากเลยค่ะ เพราะในกระท้อนจะช่วยเสริมสร้างในเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งกระท้อนจะมีไฟเบอร์ ช่วยสร้างโพรไบโอติกส์ ไม่เพียงเท่านั้น กระท้อนยังอุดมไปด้วยวิตามินนานาชนิด ได้แก่ วิตามินซีและบี ที่สามารถช่วยในเรื่องของระบบเผาผลาญ ช่วยลดในเรื่องของความเสี่ยงการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ที่สําคัญสามารถควบคุมระดับน้ําตาลในเลือดได้

เนื่องจากมีไฟเบอร์สามารถช่วยชะลอการทํางาน สามารถยับยั้งและยังควบคุมระดับน้ําตาลในเลือดได้อีก กระท้อน 100 กรัม ให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างไรบ้าง

คุณค่าทางโภชนาการของกระท้อนในส่วนของเนื้อที่กินได้ต่อน้ําหนัก 100 กรัม จะมีโปรตีน 0.118 กรัม ไขมัน 0.1 กรัม ใยอาหาร 0.1 กรัม แคลเซียม 4.3 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 17.4 มิลลิกรัม วิตามินซี 86.4 มิลลิกรัม วิตามินบี 3 0.741 มิลลิกรัม วิตามินบี1 0.045 มิลลิกรัม แคโรทีน 0.003 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 0.42 มิลลิกรัม

พื้นที่จัดส่ง

กรุงเทพมหานคร กระบี่ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นครพนม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี นราธิวาส น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พังงา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ร้อยเอ็ด ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระแก้ว หนองบัวลำภู สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย อ่างทอง อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุบลราชธานี

กระท้อนลอยแก้ว ของฝากลพบุรี บ้านกระท้อนคุณดารัตน์
กระท้อนลอยแก้ว ของฝากลพบุรี บ้านกระท้อนคุณดารัตน์
Veradet.com
Logo
กระท้อนลอยแก้ว| ชุดชั้นกุลสตรี| ชุดชั้นในวาโก้
Shopping cart