คำกริยา คือ คำที่ทำหน้าที่เป็นส่วนหลักของกริยาวลีซึ่งเป็นหัวใจของประโยค คำกริยามี ๒ ประเภท คือ ประเภทที่มีหน่วยกรรมกับประเภทที่ไม่มีหน่วยกรรม คำกริยาประเภทที่มีหน่วยกรรม ได้แก่ คำกริยาสกรรม และคำกริยาทวิกรรม ส่วนคำกริยาประเภทที่ไม่มีหน่วยกรรม ได้แก่ คำกริยาอกรรม คำกริยาคุณศัพท์ คำกริยาต้องเติมเต็ม คำกริยานำ และคำกริยาตาม
ตัวอย่าง คำกริยา
คำกริยาที่มีหน่วยกรรม
a. คำกริยาสกรรม คือคำกริยาที่มีนามวลีตามหลัง นามวลีนั้นทำหน้าที่เป็นหน่วยกรรม เช่น กิน ฟัง อ่าน เกี่ยว ในตัวอย่างดังนี้
-ฉันกินขนม
-พ่อฟังข่าว
-น้องอ่านหนังสือ
-ชาวนาเกี่ยวข้าว
นามวลี ขนม ข่าว หนังสือ ข้าว ทำหน้าที่เป็นหน่วยกรรมของคำกริยาสกรรม กิน ฟัง อ่าน เกี่ยว ตามลำดับ
b.คำกริยาทวิกรรม คือคำกริยาที่มีนามวลี ๒ นามวลีตามหลัง นามวลีแรกทำหน้าที่กรรมตรง ส่วนนามวลีที่ ๒ ทำหน้าที่กรรมรอง เช่น สอน ป้อน ให้ แจก อบรม ในตัวอย่างต่อไปนี้
-เขาสอนภาษาไทยเด็ก ๆ
-พี่ป้อนข้าวน้อง
-แม่ให้เงินลูก
-ผบ.ตร.แจกรางวัลตำรวจดีเด่น
-อาจารย์ใหญ่อบรมมารยาทนักเรียน
นามวลีแรกคือ ภาษาไทย ข้าว เงิน รางวัล มารยาท ทำหน้าที่เป็นกรรมตรงของคำกริยา สอน ป้อน ให้ แจก อบรม ตามลำดับ ส่วนนามวลีที่ ๒ คือ เด็กๆ น้อง ลูก ตำรวจดีเด่น นักเรียน ทำหน้าที่เป็นกรรมรอง
คำกริยาที่ไม่มีหน่วยกรรม
a. คำกริยาอกรรม คือคำกริยาที่ไม่ต้องมีนามวลีทำหน้าที่เป็นหน่วยกรรม หน่วยเติมเต็ม หรือหน่วยเสริมความตามหลัง เช่น หัวเราะ ตก ขึ้น ตาย ยืน เดิน เสียใจ ดีใจ วิตก กังวล เซ็ง สนุก หัวแตก ปวดท้อง เช่น
-เด็กหัวเราะ เพื่อน ๆ ดีใจ
-ฝนตก นายกรัฐมนตรีวิตก
-พระอาทิตย์ขึ้น นาฬิกาตาย วัยรุ่นเซ็ง
-ตำรวจยืน พ่อเดิน เราเสียใจ พี่สาวแวดท้อง
b.คำกริยาคุณศัพท์ คือคำกริยาที่ไม่ต้องมีนามวลีทำหน้าที่เป็นหน่วยกรรม หน่วยเติมเต็ม หรือหน่วยเสริมความ ตามหลัง และเป็นคำกริยาที่แสดงคุณสมบัติหรือสภาพของคำนามหรือคำบุรุษสรรพนาม เช่น ดี สวย ว่องไว สูง เช่น
-เด็กคนนี้ดี บ้านแถวนี้สวยทุกหลังเลย
-นักกีฬาเหล่านี้ว่องไว
-เขาสูงขึ้นมากทีเดียว
c. คำกริยาต้องเติมเต็ม คือ คำกริยาที่ต้องมีนามวลีทำหน้าที่เป็นหน่วยกรรมเติมเต็มตามหลังเสมอ ได้แก่ เป็น เหมือน คล้าย เท่า ใช่ มี เกิด ปรากฏ ใน เช่น
-เขาเป็นครูอยู่ชายแดนมาสิบปี
-เขาเหมือนพ่อมาก
-สุมนหน้าตาคล้ายแม่
-ขันใบนี้ขนาดเท่าใบนั้น
-เด็กคนนั้นใช่สมศักดิ์แน่นะ
นามวลี ครู พ่อ แม่ ใบนั้น สมศักดิ์ บ้าน ภาวะฝนแล้ง เงาราง ๆ ที่ตามหลังคำกริยา เป็น เหมือน คล้าย เท่า ใช่ มี เกิด ปรากฏ ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นหน่วยกรรมหรือหน่วยเสริมความบอกสถานที่ แต่ทำหน้าที่เป็นหน่วยเติมเต็มของคำกริยาที่มาข้างหน้า
d. คำกริยานำ คือ คือคำกริยาที่ต้องปรากฏหน้าคำกริยาอื่นเสมอ เช่น ชอบ พลอย พยายาม อยาก ฝืน หัด ตั้งใจ ห้าม ช่วย กรุณา วาน เช่น
-เขาชอบเป็นหวัด
-คนไข้ฝืนกินยาจนหมด
-วันนี้เด็กพลอยเปียกฝนไปด้วย
-เราพยายามเตือนเขาแล้ว
-ตอนนี้เขาอยากพักผ่อนมาก
-นักเรียนตั้งใจฟังครู
e. คำกริยาตาม คือ คำกริยาที่ปรากฏหลังคำกริยาอื่นอยู่เสมอ เช่น ไป มา ขึ้น ลง เข้า ออก บางคำก็มีรูปเหมือนกริยาสกรรม เช่น ไหว้ ไว้ เสีย เอา เช่น
-เขาส่งพัสดุไปแล้ว
-พวกเรากลับจากเที่ยวกันมา
-ลูกโป่งค่อย ๆ ลอยขึ้น
-น้ำลดลงมากแล้ว
-พยายามเข้าอย่าได้ย่อท้อ
-เขาเก่งออก
-เขาหยิบยื่นไมตรีให้ก่อน